วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จากพวกเราชาว OHO!...พาทัวร์

มาคอยติดตามกันว่า "พวกเราชาว OHO!...พาทัวร์" จะพาทุกท่านไปชมอะไรกันบ้าง พวกเราจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ใหนในกระทุ่มแบนบ้าง" ไปรับชมกันได้เลยค่ะ

ความเป็นมาของกระทุ่มแบน

          พวกเราจะพามารู้จักตลาดกระทุ่มแบน ซึ่งมีเอกลัษณ์ตรงที่ อาคารตึกบ้าน ยังคงความเป็นเมืองเมื่อง 50-60 ปีที่แล้วอยู่
          อำเภอกระทุ่มแบนตั้งอยู่ริมคลองภาษีเจริญ ตามประวัติศาสตร์อำเภอกระทุ่มแบนได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองหัวเมือง ร.ศ. 116 ตรงกับปี พ.ศ. 2440 ประกอบด้วยตำบลต่าง ๆ รวม 7 ตำบล ดังนี้
- ตำบลตลาดกระทุ่มแบน
- ตำบลปลายคลองกระทุ่มแบน (ปัจจุบันเรียกว่าตำบลแคราย)
- ตำบลคลองกระทุ่ม (ปัจจุบันเรียกว่าตำบลคลองมะเดื่อ)
- ตำบลดอนไก่ดี
- ตำบลท่าเสา
- ตำบลหนองแขม (ปัจจุบันเรียกว่าตำบลสวนหลวง)
- ตำบลดำเนินสะดวก (ปัจจุบันนี้ขึ้นกับอำเภอบ้านแพ้ว และ เรียกว่าตำบลสวนส้ม)
          ทั้ง 7 ตำบล ได้จัดตั้งขึ้นเป็นอำเภอกระทุ่มแบนขึ้นตรงต่อเมืองสมุทรสาคร ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เปลี่ยนคำว่า "เมือง" เป็น "จังหวัด" ทั่วทุกแห่งในราชอาณาจักร ขึ้นตรงต่อมณฑลนครชัยศรี

          ในปี พ.ศ. 2469 ทางราชการได้มีคำสั่งโอนตำบลดำเนินสะดวกไปขึ้นกับอำเภอบ้านแพ้ว ซึ่งตั้งขึ้นใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร และในปีเดียวกันนี้ได้มีคำสั่งโอนตำบลท่าไม้ ตำบลบางยาง ตำบลซูกั้ง (หนองนกไข่) ตำบลอ้อมน้อย รวม 4 ตำบล ซึ่งอยู่ในความปกครองของอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มาขึ้นกับอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
ในปี พ.ศ. 2483 ได้ยกฐานะพื้นที่ของตำบลกระทุ่มแบนหรือตำบลตลาดกระทุ่มแบนในปัจจุบันขึ้นเป็นเทศบาลตำบลกระทุ่มแบน
          ในปี พ.ศ. 2486 สมัยพลโท หลวงพรหมโยธี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสมุทรสาครได้ถูกยุบรวมกับจังหวัดธนบุรี ซึ่งมีผลให้อำเภอกระทุ่มแบนขึ้นกับจังหวัดธนบุรีไปด้วย ในระยะนั้นรัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งปลัดตำบล จึงได้ยุบตำบลดังต่อไปนี้
- ตำบลดอนไก่ดีกับตำบลท่าเสา เรียกว่าตำบลท่าเสา
- ตำบลแครายกับตำบลสวนหลวง เรียกว่าตำบลสวนหลวง
- ตำบลอื่น ๆ ยังคงสถานะเดิม
          ในปี พ.ศ. 2489 ได้ประกาศยกฐานะจังหวัดสมุทรสาครขึ้นใหม่ ซึ่งอำเภอกระทุ่มแบนก็ได้กลับเข้ามาอยู่ในการปกครองของจังหวัดสมุทรสาครพร้อมทั้งได้มีการประกาศแยกตำบลที่รวมกันข้า4งต้นเป็นตำบลเหมือนเดิมที่เป็นอยู่ก่อน
ในปี พ.ศ. 2504 เปลี่ยนชื่อจากตำบลหนองแขม เป็น ตำบลสวนหลวง
ในปี พ.ศ. 2510 ได้ยกฐานะพื้นที่ของตำบลอ้อมน้อย ขึ้นเป็น สุขาภิบาลอ้อมน้อย
ในปี พ.ศ. 2537 ได้ยกฐานะพื้นที่ของสุขาภิบาลอ้อมน้อย ขึ้นเป็น เทศบาลตำบลอ้อมน้อย
ในปี พ.ศ. 2538 ได้ยกฐานะจากเทศบาลตำบลกระทุ่มแบน เป็น เทศบาลเมืองกระทุ่มแบน
ในปี พ.ศ. 2545 ได้ยกฐานะจากเทศบาลตำบลอ้อมน้อย เป็น เทศบาลเมืองอ้อมน้อย
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 ได้ยกฐานะองค์การบริหารส่วนตำบลสวนหลวง เป็นเทศบาลตำบลสวนหลวง
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 ได้ยกฐานะจาก เทศบาลเมืองอ้อมน้อย เป็น เทศบาลนครอ้อมน้อย

ภาพบรรยากาศกระทุ่มแบนในอดีต-ปัจจุบันกันค่ะ
          บริเวณสะพานเทศบาล2 รูปในอดีต ถ่ายไว้ประมาณปี พ.ศ.2520
 อดีต
ปัจจุบัน
          
          บริเวณถนนริมคลอง รูปในอดีตจะถ่ายไว้เมื่อช่วงประมาณ พ.ศ. 2510-2520

 อดีต
ปัจจุบัน
          บริเวณสะพานข้ามคลองภาษีเจริญ
 อดีต
ปัจจุบัน
        เป็อย่างไรบ้างค่ะ  ได้รู้สึกถึงบรรยากาศสมัยก่อน  ภาพบรรยากาศเหล่านี้ เป็นเพียงแค่ภาพส่วนนึงเท่านั้น ถ้าท่านผู้อ่านสนใจ อยากดูเพิ่มเติม สามารถเข้าไปหาชมได้ที่
Facrbook : https://www.facebook.com/ktb.photo/timeline
ข้อมูลอ้างอิง
ภาพบางส่วน :https://www.facebook.com/ktb.photo/timeline
เนื้อหา: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%99
          ไปติดตามชมภาพสถายที่อย่างอื่นกันเลยค่ะ

วัดนางสาว

  วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2558 พวกเราได้มีโอากาสมาเที่ยว ที่วัดนางสาว ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งภายในวัดที่บรรยากาศที่คึกครื้น และมีผู้คนเข้ามาสักการะ บูชากันมากมาย ประกอบกับวัดนางสาวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ ตำบลท่าไม้

          นอกจากนี้ยังมีตำนานกล่าวมาว่า "เมืองสาครบุรี คือ เมืองชายทะเลตอนใต้ของกรุงศรีอยุธยา เมื่อเกิดสงครามในพม่า ชาวไทยกลุ่มหนึ่งได้อพยพหนีมาตามริมแม่น้ำท่าจีน คนชราและผู้หญิงได้พาไปหลบซ่อนในโบสถ์เก่า ต่อมาคนไทยได้ต่อสู้กับทหารพม่าจนได้รับชัยชนะ และผู้ที่อพยพมาได้ก่อตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนั้น ในกลุ่มนี้มีสองพี่น้องที่เคยอาศัยในโบสถ์หลบหนีภัย โดยทั้งสองอธิษฐานไว้ว่า "ถ้ารอดพ้นจากสงครามในครั้งนี้จะกลับมาบูรณะโบสถ์ใหม่"   คนพี่เห็นว่าโบสถ์นี้เก่าเกินที่จะบูรณะใหม่จึ่งไปสร้างวัดใหม่อีกที่หนึ่ง แต่คนน้องต้องการทำตามสัจอธิษฐานของตน จึงได้ทำการบูรณะจนเสร็จ โดยมีชื่อวัดว่า วัดพรหมจารีย์ " ต่อมาชาวบ้านเรียกว่า วัดน้องสาว จนเพี้ยนมาเป็นวัดนางสาว จวบจนปัจจุบันนี้ ในวัดแห่งนี้มีโบราณสถานที่สำคัญคือ โบสถ์มหาอุด หลังคามุงกระเบื้องดินแบบเก่า เอกลักษณ์ของโบสถ์นี้คือ ไม่มีหน้าต่าง


และบริเวณหน้าวัดยังติดริมแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของชาวจังหวัดสมุทรสาคร โดยทางวัดได้มีการสร้างซุ้มริมแม่น้ำและซุ้มลอยน้ำเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ให้อาหารปลา โดยปลาส่วนใหญ่จะเป็นปลาสวาย



          ไม่เพียงแต่เป็นที่สำคัญ แต่ยังมีประพุทธรูปที่สำคัญประจำวัดนางสาว คือ หลวงพ่อดำ และ พระป่าเลไลย์ ซึ่งเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบ้าน และมีนักท่องเที่ยวมากมายที่แวะเวียนเข้ามาสักการะบูชา
พระป่าเลไลย์
หลวงพ่อดำ
           และในทุกๆวันอาทิตย์ทางวัดจะให้มีการขายของไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า  อาหารต่างๆมากมาย ซึ่งในวันนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาเยอะเป็นพิเศษ 
           เป็นอย่างไรบ้างค่ะ สำหรับเรื่องราวที่ชาว OHO!...พาทัวร์ได้นำเสนอไป ในวันต่อไปพวกเราจะมีอะไรมานำเสนอ โปรดติดตามต่อไปค่ะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ/ครับ




วัดท่าไม้


         

 ตั้งอยู่เลขที่ 51 หมู่ 11 ถ.เศรษฐกิจ 1 ซอย 8 ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน  จ.สมุทรสาคร มีที่ดินตั้งวัด จำนวน 6 ไร่

          นับย้อนไปเมื่อต้นปี พ.ศ. 2520 มีพระภิกษุหนุ่มอายุราว 24 ปี แบกกลดสะพายบาตร ยืนสงบอยู่ ทราบว่าท่านเป็นพระธุดงค์ชื่อ ยอดชาย ฉายา อุปติสฺโส พรรษา 1 ด้วยจริยาวัตร และสามัคคีธรรมร่วมกันของพระภิกษุกับชาวบ้าน ประสงค์จะสร้างเป็นวัดให้ถาวรวัฒนาสืบไป จึงขออนุญาตสร้างวัด ท่านพระอาจารย์ยอด ประกอบด้วยบารมีสามารถสร้างศรัทธาและพัฒนาสำนักสงฆ์ให้เจริญทั้งวัตถุธรรมและศีลธรรม ตลอดจนสาธารณะประโยชน์ ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2532 ได้ยกฐานะของสำนักสงฆ์โพธิธรรมรังสีขึ้นเป็น วัดท่าไม้ ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาไม่นานก็ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอุโบสถในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2534 โดยคุณพ่ออ่อน สุขวัฒก์และคุณแม่ป้อม สุทธิบุตร เป็นประทาน มีคุณนุกูล-คุณนวลจันทร์ สุขวัฒก์ เป็นผู้อุปถัมภ์ร่วมกับประชาชน  ได้ทุนดำเนินการขึ้นต้นรวม 840,000 บาท รับเหมาก่อสร้าง โดยคุณสุกิจ แม้นเหมือน ตามแบบแปลบของกรมศิลปากร เป็นอุโบสถภายในกว้าง 5 เมตร ยาว 9 เมตร มีมุขหน้าและมุขหลังรวมอีก 9 เมตร มี 6 หน้าต่าง มี 4 ประตู ใช้เสาเข็มยาว 6 เมตร 300 ต้น เทคานคอดิน 2 ชั้น หล่อเสา 16 ต้น และเทพื้นภายในทั้งหมดสำเร็จในปีเดียว และท่านพระครูศีลสาครวิมล ได้สร้างถาวรวัตถุไว้คู่ศาสนามากมายจวบจบวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
         ในปัจจุบัน วัดท่าไม้ ได้พัฒนาไปอย่างมาก จนดังไปทั่วประเทศ ด้านความสวยงามของวัด และความเชื่อของศาสนา จนทำให้มีคนหลากหลายจากทั่วประเทศแวะเวียนเข้ามาชมความงามของวัด และเข้ามาสักการะ อย่างไม่ขาดสาย 
 บรรยากาศภายในวัด
 วิหารหลังใหม่ที่กำลังดำเนินการสร้างใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ
 หน้าพระวิหารหลังใหม่

          ทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวทำให้รู้สึกเย็นสบาย ชุ่มชื่นเหมือนได้เติมพลังให้ชีวิต น่านั่งพักผ่อนทำความสงบกายและใจ 

  เจ้าแม่กวนอิมที่คนนิยมเข้าไปสักการะบูชาและขอพร


          เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนนิยมเข้าไปปิดทองสักการะบูชา โดยที่ตรงนี้จะมีพระพุทธรูปจากหลากหลายวัด ให้คนได้เข้ามาสักการะ
         
          และยังมีมุมถ่ายรูปเอาไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ว่าครั้งนึงได้เคยมา ทำบุญที่วัดท่าไม้

          นักจากนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ นั่นคือ Wood Port ที่เป้ันของทางวัดท่าไม้ ซึ่งตั้งอยู่ปากทางเข้าวัดท่าไม้ เรียกได้ว่าเป็นเป็นที่น่าสนใจมากสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะได้มีคนได้ขนานนามเอาไว้ว่า สวนผึ้งขนาดเล็ก ซึ่งได้รับความสนใจจากคนที่มาสักการะบูชาพระที่วัดแล้วแวะพัก 
บรรยากาศ



        แล้วก็ยังใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เองค่ะ  เรียกว่า มาแล้วได้ทั้งสักการะบูชาพระพุทธรูป แล้วยังได้มาชมบรรยากาศที่สวยงามมีความคล้ายกับสวนผึ้ง อีกด้วย

วัดท่ากระบือ


สวัสดีค่ะ วันนี้พวกเราOho!พาทัวร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทาจะมานำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งสถานที่ที่พวกเราเลือกนำมาเสนอนั่นก็คือวัดท่ากระบือ ซึ่งเป็นสถานที่ทางศาสนาที่สำคัญและมีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสาคร โดยพวกเราได้ศึกษาประวัติของวัดท่ากระบือจากอินเทอร์เน็ตซึ่งได้ข้อมูลมาว่า          
วัดท่ากระบือ ตั้งอยู่ที่ ต.บางยาง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร วัดท่ากระบือนี้ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับการสร้างวัด ประมาณว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ. ๒๔๓๙ เดิมทีเริ่มเป็นวัดเล็กๆ มีพระผู้เฒ่าเป็นเจ้าสำนักดูแลวัด ต่อมาชาวบ้านเรียกว่าวัดท่าควาย เนื่องจากชาวบ้านนำควายข้ามไปมาที่หน้าวัด เพราะว่าวัดอยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน พ่อค้าหรือชาวนา ได้นำควายมาเพื่อค้าขายบ้าง ทำนาบ้าง ต่อมา พ.ศ.๒๔๔๑ พระเดชพระคุณท่านเจ้า พระคุณพระไพโรจน์วุฒาจารย์ ได้รับแต่งจากคณะสงฆ์ ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ ท่านได้ก่อสร้างวัด พัฒนาวัดมีเสนาสนะต่างๆเช่นพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ เป็นต้น กล่าวได้ว่า ท่านเป็นองค์ริเริ่มสร้างสรรค์ พัฒนาวัดท่ากระบือให้เป็นวัดที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างในสมัยนั้น เมื่อ พ.ศ.๒๕oo พระครูสาครบุญวัฒน์(หลวงพ่อหยัด กตปูญโญ)ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน ต่อมาจนถึงปัจจุบันคือพระครูศิริสาครธรรม(จำนงค์ คุณงโค)
เมื่อได้ทราบประวัติอย่างนี้แล้ว พวกเราOho!พาทัวร์ก็ไม่รอช้าที่จะนำเสนอสถานที่นี้ให้คนทั่วไปได้เข้ามาชมกัน
          วันนี้เราเริ่มออกเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปยังวัดท่ากระบือ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลบางยาง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีระยะทางประมาณ 46 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมง แปปเดียวเท่านั้นเองค่ะ หากใครมีเวลาก็สามารถเดินทางมาเที่ยวกันได้ ซึ่งวัดท่ากระบือก็ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก
          เมื่อมาถึงยังจุดหมายพวกเราก็ไม่รีรอที่จะสำรวจสถานที่  เมื่อเดินเข้าไป ก็จะเจอกับเจ้าแม่กวนอิม ที่อยู่ตรงกลางสระ ซึ่งในสระ ก็จะมีปลา และเต่าจำนวนมากที่ชาวบ้านนำมาปล่อย 
            หากต้องการกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ของวัด ภายในวิหารห้ามจุดธูปนะคะ ต้องไหว้จากด้านหน้าที่ทางวัดจัดแยกไว้เป็นแต่ละศาลาเช่น เจ้าแม่กวนอิม พระราหู รูปหล่อหลวงปู่รุ่ง หลวงพ่อหยัด เป็นต้น
เจ้าแม่กวนอิม
พระราหู
       
          พระเกจิที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักเลื่อมใสของทางวัดก็คือ พระไพโรจน์ วุฒาจารย์ ติสสโรมหาเถระ(หลวงพ่อรุ่ง)เกจิอาจารย์แห่งยุคสงครามอินโดจีน ศักสิทธิ์เรืองเวทย์วิทยาอาคม จนได้ฉายาเทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน
พระไพโรจน์ วุฒาจารย์ ติสสโรมหาเถระ(หลวงพ่อรุ่ง)
           สิ่งพิเศษที่เล่าขานกันมากคือ หลวงพ่อศึกษาทางด้านเวทย์มนคาถาความขลังงในวิทยาอาคม ลูกศิษย์รุ่นเก่ามักได้รับวัตถุมงคลหลายชนิดประเภท พระกรุ ผ้ายันต์ ผ้าประเจียด ธง ตระกรุด จนเป็นที่เลื่องลือในพลังพลานุภาพของวัตถุมงคล ในด้านการปกป้องคุ้มครองภยันตราย โรคภัยไข้เจ็บ ค้าขายรุ่งเรือง ด้วยเหตุนี้ลูกศิษย์หลายสมัยมักหาวัตถุมงคลไว้ในครอบครองตลอดมา ในที่สุดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2500 เวลา 01.05 น. ศิษยานุศิษย์ก็ต้องสูญเสียหลวงพ่อรุ่งไปด้วยอาการสงบ รวมอายุได้85ปี
            วัตถุมงคลของท่านโดดเด่น โด่งดังทางด้านแคล้วคลาดและอยู่ยงคงกระพัน ชาวบ้านและประชาชนในยุคนั้นเคารพนับถือศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงของท่านมีหลายชนิดเช่น ตะกรุด 9 ดอก, ตะกรุดโทน , ตะกรุดหน้าผากเสือ , แหวนพิรอด , เสื้อยันต์ , ผ้ายันต์ รูปถ่ายและเหรียญ
มาชมบรรยากาศภายในวัดกันได้เลยค่ะ
ปากทางเข้าวัด
วิหารที่ทางวัดเพิ่งก่อสร้างใหม่เมื่อไม่นานมานี้ค่ะ สวยงามมากๆ

         ถ้าเพื่อนๆสังเกตให้ดี จะเห็นว่าการประดับตกแต่งวิหารใหม่นี้ช่างใช้เครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ นำมาตกแต่ง(แถวกระทุ่มแบน มีโรงงานทำเครื่องเบญจรงค์อยู่เยอะ จนเป็นที่ขึ้นชื่อค่ะ) เป็นความคิดที่สร้างสรรค์มากๆค่ะ
          ด้านหลังวัดจะเป็นแม่น้ำท่าจีน บรรยากาศเย็นสบายมากๆเลยค่ะ

   
      สิ่งปลูกสร้างอื่นๆที่น่าสนใจของทางวัดยังมีอีกนะคะ อาทิเช่น พระอุโบสถ ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ.2485 ปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้ว อาคารทรงไทย ก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องลดชั้น2ชั้นซ้อนกันชั้นละ3ตับ ช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ หน้าบันไม้แกะสลักประดับกระจกสี ด้านหน้ามีมุขลด รองรับโครงหลังคาด้วยยเสาปูนสี่เหลี่ยม ด้านข้างมีคันทวย ผนังก่ออิฐถือปูนตั้งอยู่บนฐานบัว ด้านหน้ามีประตูทางเข้า2ประตู ซุ้มประตูทรงมณฑป ผนังตอนบนระหว่างซุ้มหน้าต่างมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยรอบอาคารเป็นระเบียงทางเดิน และมีบันไดทางขึ้นทางด้านหน้าและด้านข้าง ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง แสดงปางสมาธิ และฝาผนังมีภาพจิตรกรรมที่เขียนขึ้นใหม่
       พระวิหาร2หลัง ตั้งอยู่ด้านข้างของพระอุโบสถ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2493 ลักษณะเป็นอาคารทรงไทย ก่ออิฐถือปูน หลังคาเครืื่องไม้มุงกระเบื้องลดชั้น2ชั้น ซ้อนกันชั้นละ2ตับ มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ด้านหน้ามีมุขลด รองรับโครงหลังคาด้วยเสา4ต้น
        พระปรางค์ จำนวน4องค์ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของพระอุโบสถติดกับแม่น้ำท่าจีน ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปรางค์ ก่ออิฐถือปูน ตั้งอยู่บนฐานเขียง ที่ฐานมีคำอุทิศจารึกอยู่บนแผ่นหินอ่อน ถัดขึ้นไปเป็นชุดฐานสิงห์ เรือนธาตุมีซุ้มจระนำทั้งสี่ทิศ ส่วนยอดปรางค์ มีพศูลโลหะปักอยู่
         และในวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็ได้ทำพีธียกเศียรหลวงพ่อรุ่งขึ้นไปประกอบกับสระสรีระ จนออกมาดูสวยงาม ซึ่งมีผู้ไปเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก




          เป็นอย่างไรบ้างค่ะกับสิ่งที่พวกเราได้นำเสนอไปน่าสนใหมเอ่ย ในตอนต่อไปพวกเราจะพาไปที่ใหน  ติดตามได้เลยค่ะ









หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี

สถานที่ตั้ง ถนนเทศบาลสาย 4 อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร  เป็นหมู่บ้านที่ทำเกี่ยวกับเครื่องถ้วยเบญจรงค์คุณภาพดี และราคาไม่แพง ซึ่งเป้นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็ยที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ถ้าอยากได้ เครื่องถ้วยเบญจรงค์ เอาไว้เป็นของฝากในช่วงเทศกาลต่างๆ หรือเอาไปตกแต่งประดับบ้านที่หมู่บ้านนี้ก็เปป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ท่านจะสามารถหาชม และหาซื้อได้ง่าย

          น่าสนใจใช่ไหมค่ะ และอีกอย่างคือ เครื่องถ้วยเบญจรงค์ ยังเป็นผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์อีกด้วยค่ะ

หมี่กรอบช่างรังวัด

            สวัสดีค่ะ วันนี้ได้มีโอากาศไปที่ร้านช่างรังวัด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร  นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจและขึ้นชื่ออีกอย่างนึงเลยก็ว่าได้  พวกเราคิดว่าพวกท่านต้องเคยเห็น หรือเคยได้รับประทานแน่นอน เพราะจะเห็นได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น  ตลาดนัดดอนหวาย เป็นต้น ค่ะ 
 โดยหมี่กรอบของร้านนี้จะะขึ้นชื่อเป็นอย่างมากเรื่องความ สด ใหม่ กรอบ และอร่อย  จนในตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่หมี่กรอบออกมากจำหน่ายแค่อย่างเดียวค่ะ ยังมีขนมอื่นๆๆตามมาอีกมากมาย
          โดยขายเริ่มต้นที่กล่องเล็ก ราคา 40 บาท 3 กล่อง 100 บาท กล่องใหญ่ราคาอยู่ที่...ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเลยค่ะ 
วิธีการรับประทานให้อร่อย
นำไปอบในเตาไมโครเวฟ ไฟปานกลาง ประมาณ 45 วินาที
หมี่กรอบจะร้อนเหมือนเพิ่งออกจากเตาหรือรับประทานหมี่กรอบกับเครื่องเคียง อาทิ ถั่วงอก 
ใบกุ่ยช่าย กระเทียมดอง
การเก็บรักษา
เก็บในตู้เย็นอยู่ได้นาน 6 เดือน อยู่ข้างนอกเก็บได้ 1 เดือน
          และทางร้านก็ยังมีไอเดียต่อยอดขึ้นไปอีก โดยทำเป้นทั้งรูปหมี สุนัข เพื่อนเพิ่มมูลค่าให้กับหมี่กรอบ และยังสามารถนำไปเป็นของฝาก ได้อีกด้วยค่ะ


  
Facebook : https://www.facebook.com/MikrobeChangrangwat ของทางร้าน ถ้าสนใจสามารถติดต่อไปได้เลยค่ะ
           เป็นอย่างไรบ้างค่ะ น่าสนใช่หรือเปล่า นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดสมุทรสาครเลยก็ว่าได้ค่ะ สำหรับวันนี้ ขอจบการนำเสนอแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ

แนะนำร้านอาหาร

ร้านกาแฟครูนิด
          ร้านกาแฟครูนิด อยู่ใกล้ๆกับโรงพยาบาลกระทุ่มแบน โดยเริ่มแรกเป็นร้านกาแฟหลากหลายประเภท แล้วก็เริ่มมี ของหวาน ทั้งวัฟเฟิ้ล ไอศกรีม เพิ่มเข้ามา จนในปัจจุบัน ก็มีอาหารตามสั่งอีกหลายอย่างเพิ่มเข้ามา มีทั้งอาหารไทยและของต่างชาติ 
วัฟเฟิล
ยำหมูยอเวียดนาม
คาโบนาร่า
          ราคาแพงนิดหน่อย แต่ถ้ารวมรสชาติแล้วนับว่าคุ้มมากเลย รวมถึงบรรยากาศภายในร้าน ก็น่านั่งรับประทานอาหาร และนั่งทานของหวานได้อย่างเพลิดเพลิน รวมกับเพลงที่ฟังแล้วสบาย ช่วยผ่อนคลายไปได้ระดับนึงเลยทีเดียว


ร้านปังปั่น
         อยู่ที่ ริมตลาดกระทุ่มแบน ร้านน้ำชากาแฟโบราณ โดยร้านนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับเด็กนักเรียนและคนที่ผ่านไปมาแถวนั้น เพราะมีราคาไม่แพงมาก แล้วก็ยังติดกับริมคลอง ทำให้เวลารับประทานรู้สึกสดชื่น และเพลิดเพลินมากเลยทีเดียว  โดยเม่นู ยอดฮิต คือ โอวัลตินปั่นใส่ขนมปังลูกชิด และชานมปั่นใส่ขนมปังลูกชิด ร้านตั้งอยู่ที่ ตลาดกระทุ่มแบน ริมคลอง


ร้านช่างตำแซ่บ
          อยู่ที่ ถนนสุขุมวิท ตลาดกระทุ่มแบน ก่อนจะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน เป็นร้านอาหารที่พึ่งจะเปิดได้ไม่นาน แต่รสชาติอาหารเป็นที่ถูกปากของบรรดานักชิมที่มาทดลองชิมมากมาย โดยมีทั้งอาหารไทยและ อีสาน 
เมนูแนะนำ คือ หมูกระเทียม และข้าวผัดต้มยำ และยังมีเมนูอื่นๆอีกมากมาย ที่น่ารับประทาน


ร้าน Hot League Ice Cream & Music
          อยู่ที่ 439/47 ต.ตลาด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ตรงทางเลี้ยวเข้าโรงเรียนวัดดอน  เป็นร้านสุดฮิตโดนใจวัยรุ่นอย่างมาก โดยร้านอาหารมีอาหารหลากหลายแบบ ทั้ง อาหารคาว อาหารหวาน ที่ตอบสนองต่อลูกค้าที่หลากหลาย  โดยหลักๆแล้วจะเป็นไอศกรีม ที่ขายดีและราคาที่ไม่แพง